วิตามินอี

ร่างกายต้องการวิตามินอีปริมาณเพียงน้อยนิดในแต่ละวัน เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 10 มิลกรัมเพียงเท่านั้น สำหรับบุคคลทั่วไปที่รับประทานอาหารครบ 5 หมู่เป็นประจำ เชื่อว่าเพียงพอแล้วสำหรับวิตามินอี โดยเฉพาะการรับประทานอาหารประเภท ธัญพืชและถั่ว ที่มีเปลือกแข็ง เช่นถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน อัลมอล ข้าวโพด อะโวคาโด กะหล่ำปลี ข้าวสาลี เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดกาแฟ
วิตามินอีจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีส่วนช่วยชะลอวัย ร่างกายของมนุษย์ต้องการวิตามินอีเพื่อนำมาเสริมสร้างเยื่อหุ้มเซลล์และยังช่วยลดการอุดตันของเม็ดเลือดได้ดีอีกด้วย สำหรับคนที่ขาดวิตามินอีจะมีอาการเกี่ยวกับระบบทางประสาท รู้สึกชาปลายมือปลายเท้า ระบบประสาททำงานได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่สำหรับคนที่รับวิตามินอีมากเกิน 800 IU ต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาการที่แสดงออกมาคือการอาเจียน ท้องเสีย สับสน มึนงง
การเก็บรักษาวิตามินอีถ้าหากเป็นอาหารเสริมจะต้องเก็บให้พ้นแสงแดดและอุณหภูมิที่ไม่ปกติ โดยเฉพาะที่ที่มีอุณหภูมิเย็นจัด แต่สำหรับการรักษาวิตามินอีที่มีอยู่ในอาหารนั้นเพียงแค่จัดเก็บตามปกติก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
เนื่องจากว่าวิตามินอีจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมีงานวิจัยรองรับว่าช่วยต่อต้านการอักเสบเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อลดโอกาสในการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากเซลล์ของเม็ดเลือดมีความแข็งแรงมากขึ้น และยังมีส่วนยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็งซึ่งมีต้นเหตุมาจากการอักเสบตามอวัยวะต่าง ๆ จากคุณสมบัติช่วยชะลอวัยทำให้ชะลอความเสื่อมของเซลล์สมองป้องกันไม่ให้กลายเป็นโรคอัลไซเมอร์

Leave a Reply

Back To Top